1.มีอะไรอยู่ในขวดยาคูลท์
นมคืนรูปขาดมันเนย น้ำตาล น้ำ สารแต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ และจุลินทรีย์ชิโรต้า 8 พันล้าน ตัวต่อ 1 ขวด
2.จุลินทรีย์ที่อยู่ในยาคูลท์คืออะไร
จุลินทรีย์ที่อยู่ในยาคูลท์ หรือ "แลคโตบาซิลลัส คาซอิ" สายพันธุ์ชิโรต้า เป็นกลุ่มเชื้อแบคทีเรียกรดนมที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งมีอยู่แล้วตามธรรมชาติในลำไส้เล็ก เป็นสายพันธุ์ที่มีความพิเศษเฉพาะของยาคูลท์ เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ สำหรับชื่อสายพันธุ์ชิโรต้านั้น ได้ตั้งเป็นเกียรติแก่ ดร.มิโนรุ ชิโลต้า ผู้ค้นพบ
3.จุลินทรีย์ที่อยู่ในยาคูลท์ให้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
ช่วยปรับสมดุลย์ของจุลินทรีย์ในลำไส้ ยับยั้งการสร้างสารพิษของแบคทีเรียที่ให้โทษ ช่วยให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อสู้กับเซลล์มะเร็งและการติดเชื้อ
4.ยาคูลท์ต่างกับโยเกิร์ตทั่วไปอย่างไร
ทั้งยาคูลท์และโยเกิร์ตจัดเป็นนมเปรี้ยวชนิดเดียวกัน ซึ่งได้มาจากการหมักนมด้วยจุลินทรีย์ที่มีชีวิต แต่สำหรับยาคูลท์ใช้จุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัส เน้นการทานเพื่อสุขภาพของระบบลำไส้
5.ยาคูลท์มีพลังงานเท่าไหร่
ยาคูลท์ 1 ขวด ให้พลังงาน 71 กิโลแคลอรี่
6.สียาคูลท์เป็นสีธรรมชาติหรือไม่
ยาคูลท์ไม่มีการเติมสีเจือปนใดๆ เลยแม้แต่น้อย สีที่เป็นเอกลักษณ์นี้เกิดขึ้นจากกระบวนการหมักที่ได้จากกระบวนการ Caramelisation ตามธรรมชาติ
7.ทำไมยาคูลท์ต้องมีน้ำตาล
เพื่อเป็นแหล่งอาหารที่เหมาะสมแก่แบคทีเรีย ช่วยให้แบคทีเรียมีชีวิตอยู่ใด้ระหว่างช่วงเวลาการเก็บรักษาจนถึงมือลูกค้า
8.ยาคูลท์มีสารกันบูดหรือไม่
ยาคูลท์ไม่มีการเติมสารกันบูดและสารกันการตกตะกอน (Stabilizer) เพราะกรดนมในยาคูลท์ที่เกิดจากจุลินทรีย์ชิโรต้าถูกสร้างขึ้นในระหว่างกระบวนการหมักที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์เน่าเสีย
9. ทำไมยาคูลท์ต้องดื่มแค่วันละ 1 ขวด
ผู้ผลิตแนะนำให้ดื่ม 1 ขวดต่อวัน เพื่อส่งเสริมสมดุลย์ด้านบวกของแบคทีเรียประจำถิ่นในลำไส้
10.ดื่มยาคูลท์วันละ 2 ขวดได้หรือไม่
ยาคูลท์คืออาหาร ฉะนั้นการดื่มมากกว่า 1 ขวดต่อวันนั้น จึงไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เพียงแต่การดื่ม 1 ขวดต่อวัน จะให้แบคทีเรียในปริมาณที่เพียงพอสำหรับผู้ที่มีสุขภาพดี 1 คน ในบางครั้งบางคราวคุณอาจต้องการดื่ม 2 ขวด เพื่อให้ลำไส้ได้รับการเสริมแรงอย่างจริงจังก็สามารถทำได้เช่นกัน
11.ควรเก็บยาคูลท์ในตู้เย็นหรือไม่
ควรเก็บยาคูลท์ไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณภาพของยาคูลท์ และสามารถแช่แข็งได้เช่นกัน
12.ผู้หญิงมีครรภ์ดื่มยาคูลท์ได้หรือไม่
ยาคูลท์เหมาะสำหรับกับผู้หญิงมีครรภ์ เนื่องจากในยาคูลท์มีจุลินทรีย์ที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อดื่มแล้วอาการท้องผูกหรืออาการไม่ย่อยในระหว่างตั้งครรภ์จะหายไป
13.ทำไมยาคูลท์ถึงมีแต่ขวดเล็ก 80 ซีซี ขนาดเดียว ไม่มีขวดใหญ่
ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับปริมาณแนะนำที่ควรดื่มในแต่ละวันคือ 1 ขวดเล็ก และการที่ร่างกายรับเชื้อจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสมากเกินไป จะทำให้ท้องเสียได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการผลิตขวดใหญ่
14.ขวดยาคูลท์ทำมาจากอะไร
พลาสติก Polystyrene ที่สามารถใช้บรรจุอาหารได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และวัสดุปิดฝาขวดคือ Aluminum Foil
15. ทำไมถึงใช้ระบบสาวยาคูลท์ส่งตามที่ต่างๆ และไม่มีการขายใน 7-11 แวะห้างสรรพสินค้า
ทางผู้บริหารของยาคูลท์ได้ให้เหตุผลว่า ที่ไม่ยอมวางจำหน่ายสินค้าตามห้างสรรพสินค้า แต่เลือกที่จะให้สาวยาคูลท์เป็นตัวแทนจำหน่ายนั้นก็เพราะ กระบวนการผลิตไม่เพียงพอต่อลูกค้าและเพื่อเป็นการรักษานโยบายในการเลี้ยงพนักงานไม่ให้สาวยาคุต้องตกงานอีกด้วย
16.ชื่อเป็นยา
ยาคูลท์เป็นนมเปรี้ยวสัญชาติญี่ปุ่น 1000% แปลกตรงที่ชื่อไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น ทั้งที่ประเทศนี้ชาตินิยมจัดมาก YAKULT เป็นภาษา Esperanto (ภาษาประดิษฐ์ของหมอรัสเซีย) มาจากคำว่า "Jahurto" มีความหมายเท่ากับ "yoghurt" ซึ่งแปลตรงตัวว่า "การมีอายุยืนยาว"
17.ยาคูลท์เคยใช้ขวดแก้ว
ตั้งแต่ปี 1935 ยาคูลท์เคยใช้ขวดแก้วใสกริ้งมาตลอด สรีระของขวดมีแรงบันดาลใจจาก "Kokeishi" ตุ๊กตาโบราณ จนกระทั่งปี 1968 ปรับเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกแบบที่เราเห็นๆ ในปัจจุปัน เพราะต้นทุนถูกกว่าและน้ำหนักเบากว่าขวดแก้ว รวมกันหลายขวดก็หลายกิโล ทำให้สาวยาคูลท์ในยุคใหม่ไม่ต้องแบกขวดแก้วหนักเกินเหมือนในอดีต
18.ถามสาวยาคูลท์ดูสิคะ
เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อยาคูลท์ในอดีตเป็นแม่บ้าน การมีคนสงยาคูลท์เป็นผู้หญิงและแนะนำเรื่องสุขภาพให้ผู้หญิงด้วยกันฟังจะทำให้รู้สึกสนิทใจกันมากกว่า ประหนึ่งรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงนั่งเม้ามอย เพราะฉะนั้น "สาวยาคูลท์" จึงถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ ค.ศ. 1963
19.ตั้งแถว ตบมือ สู้โว้ย!
บริษัทยาคูลท์ประเทศญี่ปุ่นมีธรรมเนียมแสนเก๋จนต้องยกนิ้วให้ เพราะพนักงานในบริษัทยาคูลท์และพี่ๆ ร.ป.ภ. จะตั้งแถวตบมือทุกครั้งเมื่อสาวยาคูลท์ญี่ปุ่นออกไปปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจ สู้โว้ย!
20."อหิวาตกโรค" จุดพลิกยาคูลท์ไทย
จุดที่พลิกผันจริงๆ คือ เมื่อปี 2515 เกิดอหิวาตกโรคระบาดแถวปากน้ำ จ.สมุทรปราการ บริษัทยาคูลท์ไทยนำยาคูลท์เพื่อเยียวยาอาการผู้ป่วย ซึ่งตอนนั้นมีที่อาการหนักอยู่ 3 คน ซึ่งถ้าผู้ป่วยจะใช้ยาคูลท์แทนยาจะต้องหยุดดื่มยาทั้งหมด และต้องดื่มยาคูลท์ต่างน้ำ ปรากฏว่าสามชั่วโมงผ่านไป คนไข้ที่ดื่มยาคูลท์หยุดถ่าย และกลายเป็นกระแส talk of the town ณ บัดนั้น
21.ยาคูลท์ไทยมีไซส์เดียว
ยาคูลท์รอบโลกมีไซส์ที่แตกต่างกัน เช่น ขวดไซส์ 100 มล. เห็นดาดดื่นที่สิงค์โปร์ ไต้หวัน และจีน แต่ที่นี่ประเทศไทยมีไซส์เดียวตลอดกาลนั่นคือ 80 มล. และขนาดนี้ก็มีขายเฉพาะ เกาหลี มาเลเซีย และอเมริกาเท่านั้น เพราะไซส์นี้มีจุลินทรีย์แลคโตบัลซิลัสมากกว่า 8,000 ล้านตัว เชื่อว่าเพียงพอสำหรับการสร้างสมดุลภายในลำไส้ เหมาะกับคนไทย และที่สำคัญ ถ้ากระซวกมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียขี้แตกขี้แตนไม่รู้ตัว!
22.''คอคอด'' บอกอะไร
แค่เห็นเงาก็รู้แล้วว่าเป็นยาคูลท์ เพราะขวดนมเปรี้ยวยี่ห้อนี้ดีไซน์ขวดเป็นเอกลักษณ์สุดๆ โดยเฉพาะ "คอคอด" ซึ่งเชื่อว่าให้ถือสะดวกและลิ้มรสช้าๆ จะได้ไม่ดื่มทีเดียวหมด
23.ยาคูลท์สูตรจุลินทรีย์ทะลัก!
Yakult 400LT คือสูตรเด็ดสำหรับคนรักจะถ่าย(อึ)ให้คล่อง เพราะยาคูลท์ขวดนี้ลดความหวาน ลดแคลอรีหลายเท่าตัว แต่เพิ่มแลคโตบัลซิลัสตระกูล Shirota เกือบ 400,000 ล้านตัวต่อขวด จากไซส์ปกติมีเพียง 6.5 พันล้านหรือให้เต็มที่ก็แค่ 3 แสนล้านตัวเท่านั้น
24.อุณหภูมิที่ยาคูลท์ลั้ลลา
เลือกซื้อยาคูลท์จากตู้แช่ที่เก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เพราะดีกรีหนาวเยี่ยงนี้จะทำให้ได้จุลินทรีย์ลั้ลลาและพร้อมจะทำงานให้เราได้เต็มทีค่ะ
25.ว้าว! เครื่องสำอางยาคูลท์
กาลครั้งหนึ่ง ณ 1971
ยาคูลท์นึกเปรี้ยวอยากให้ผู้หญิงญี่ปุ่นงามหมดจรดปลายเท้า สกัดแบคทีเรียพันธุ์ดีอย่างแลคโตบัลซิลัสเป็นเครื่องสำอางครบทุกไลน์ มีสาวยาคูลท์เคาะประตูขายตรงถึงหน้าบ้าน จนกระทั่งขายในซาลอนอย่างเอิกเกริก หลังจากนั้นอีก 10 ปี เครื่องสำอางสายพันธุ์ยาคูลท์ต้องโบกมือลาหนังหน้าสาวๆ เพราะผู้บริหารอยากจะโฟกัสเฉพาะนมเปรี้ยว ไม่อยากให้เลอะเทอะไปกว่านี้
26.ขวดนี้สตรีขอจอง
แม้ยาคูลท์ไทยแลนด์ (หรือเกือบทั่วโลก) จะมีรสชาติสุดคลาสสิคชูโรง ซึ่งบางครั้งสาวกยาคูทล์แอบเซ็งเพราะอยากลองลิ้มรสชาติใหม่ๆ บ้าง แต่สำหรับประเทศต้นตำรับอย่างญี่ปุ่นก็ขยันออกสูตรใหม่ให้เปิดซิงตลอด อย่างเช่น "Yakult SHEs" เจาะกลุ่มสตรีรักสวยรักงามเป็นการเฉพาะ เพราะนมเปรี้ยวสูตรนี้อัดแน่นด้วยแคลเซียม ธาตุเหล็ก และที่สำคัญคือคอลาเจน
27.ยาคูลท์กำจัดกลิ่นหอยเปรี้ยว?
ความเชื่อที่ว่า ดื่มยาคูลท์แล้วช่วยกำจัดกลิ่นจากจุดซ่อนเร้น เนื่องจากเชื่อกันว่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ชื่อว่า "แลคโตบาซิลัส" ในยาคูลท์เข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นตัวการในการสร้างกลิ่นเหม็นให้กับหุบเขาเร้นรักของคุณเพื่อนสาวทั้งหลายได้ ขอบอกตรงนี้ดังๆ ชัดๆ ว่า "มันไม่เป็นความจริงคะ!"
credit:
12 เรื่องลับของยาคูลท์..ที่คุณ(อาจ)ไม่เคยรู้!!
15 ปริศนา "ยาคูลท์" ไขกระจ่าง ที่จะทำให้คุณนอนตายตาหลับสักที