9 ข้อสงสัยเกี่ยวกับเจ้าแมวเหมียว คนรักแมวจะพลาดได้ไง!

0

1.ทำไมแมวจึงมองเห็นอะไรได้ในความมืด ?

cat-vision-nighttime-x

Cat Vision Pictorial Examples

          แมวเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ ส่วนใหญ่มันจะล่าหนูและสัตว์ที่ออกมาหากินในเวลากลางคืน มันจะได้เหยื่อก็ต่อเมื่อมันมีความสามารถในการมองเห็นและไล่เหยื่อได้ในที่มืดทุกๆ แห่ง ในที่มืดนั้นแมวสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่ามนุษย์อย่างน้อยก็ 6 เท่า และมันมีสายตาที่ดีในการมองภาพสัตว์ในช่วงกลางคืน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับความเชื่อสมัยใหม่ แมวไม่สามารถมองเห็นในที่ที่มีมืดสนิทได้

          สาเหตุที่แมวมองเห็นได้ดีในความมืดคือ มันมีตาที่ใหญ่ อันที่จริงแล้วแมวเป็นสัตว์ที่มีตาใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (เมื่อเทียบกับสัดส่วนร่างกาย) นอกจากนั้นยังเป็นเพราะว่าเนื้อเยื่อเรจินา (ส่วนของนัยน์ตาที่มีความเร็วต่อแสง) ประกอบด้วยเซลล์มากมายที่มีความไวต่อแสงสลัวๆ บริเวณด้านหลังของนัยน์ตามีชั้นพิเศษของเซลล์ที่จะทำให้ตาของมันมีความไวต่อแสงมากขึ้น เมื่อตาต้องแสงไฟเซลล์เหล่านี้จะทำหน้าที่เหมือนกับกระจกสะท้อนแสงกลับผ่านเนื้อเยื่อเรจินา เพราะว่าตาได้รับแสง 2 ทาง (โดยตรงและการสะท้อนกลับ) แสงปริมาณน้อยเป็นปัจจัยที่สำคัญในการได้ภาพที่ดี เซลล์ที่ทำหน้าที่คล้ายกับกระจกยังเป็นสาเหตุให้ตาของมันส่องแสงในที่มืดได้

 

2.ทำไมแมวจึงเป็นสัตว์เลี้ยง ?

CAT-MOUSE_zps61f3fbec

credit

          ถ้าจะเปรียบเทียบระหว่างแมวกับสุนัขนั้น แมวที่เลี้ยงตามบ้านมีประวัติความเป็นมาแค่ช่วงสั้นๆ คือประมาณ 550 ปี นักวิทยาศาสตร์สมมุติฐานว่า แมวที่เลี้ยงตามบ้านปรากฏครั้งแรกในประเทศอียิปต์เมื่อ 3500 ปีก่อนคริสตกาล ต้นตระกูลของแมวนั้นเชื่อว่าคือแมวพันธุ์เฟริสลิปิกา เป็นแมวป่าตัวเล็กๆ ลายจุดจากทวีปแอฟริกาเหนือและแมวพันธุ์เฟริสซิลเวสทริท ซึ่งเป็นแมวป่าทางแถบยุโรป

          คนกลุ่มหนึ่งเชื่อกันว่าชาวอียิปต์ปราบแมวให้เชื่องเพื่อเหตุผลทางศาสนา แต่อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าแมวเป็นที่นิยมเลี้ยงเพราะความสามารถในการจับหนูที่เหนือชั้นของมัน เหตุผลเริ่มแรกของชาวอียิปต์ในการนำแมวมาเลี้ยงจะเป็นอะไรก็ตาม ความสามารถในการจับหนูของมันก็ทำให้มันเป็นสัตว์ที่กระจายไปยังส่วนอื่นของโลก มนุษย์ค้นพบว่าแมวเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ เพราะมันช่วยจับหนูที่มาแทะข้าว ในศตวรรษที่ 5 เมื่อพวกอนารยชนรุกรานยุโรปนั้น พวกเขาได้นำฝูงหนูเข้ามาด้วย แมวจึงช่วยมนุษย์กำจัดหนูเหล่านั้น

          แมวกลายเป็นสัตว์ที่มีค่าใน ค.ศ. 936 เมื่อเจ้าชายไฮเวลเทอะ กูด แห่งเวลส์ ได้บัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับราคาของแมวที่เป็นนักล่าหนูที่ดี เจ้าชายโฮเวลบัญญัติว่า ลูกแมวจะมีราคาตั้งแต่ 1 เพนน์ แมวที่โตแล้วแต่ยังไม่สามารถจับหนู มีราคาเพียง 2 เพนน์ แต่เมื่อมันเรียนรู้ที่จะจับหนู ค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เพนน์ ถ้าใครก็ตามที่ซื้อแมวไปแล้วมันกลายเป็นนักล่าหนูที่ไม่มีประสิทธิภาพ ผู้ซื้อรายนั้นมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะได้รับเงินคืนประมาณ 1 ใน 3 จนกระทั่งปี 1750 แมวจึงกลายเป็นสินค้านำเข้าอย่างเป็นทางการของประเทศอเมริกา เพื่อใช้ในการควบคุมปริมาณหนู ในปัจจุบัน แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ขึ้นหน้าขึ้นตามากที่สุดในอเมริกา กล่าวกันว่า คนอเมริกันทั่วประเทศเลี้ยงแมวไว้ในบ้านรวมแล้วมากกว่า 50 ล้านตัว

 

3.ทำไมจึงไม่ควรตัดเล็บแมว ?

cat-grabing-with-claws-vector-design_23-2147493577

          แมวชอบลับเล็บของมันให้คม แต่เพื่อป้องกันเครื่องเฟอร์นิเจอร์ เจ้าของส่วนใหญ่จึงตัดสินใจที่จะตัดเล็บของมัน แต่การตัดเล็บไม่เป็นผลดีเลย การตัดเป็นวิธีการที่มีแต่ความเจ็บปวดและหลังจากนั้นแมวก็จะไม่มีเครื่องป้องกันตัว ต่อไปนี้มันไม่สามารถปีนต้นไม้ได้ เพื่อความสนุกสนานหรือวิ่งหนีสุนัข เจ้าของไม่ควรปล่อยแมวที่ถูกตัดเล็บออกนอกบ้าน เพราะมันไม่สามารถต่อสู้ได้ถ้าถูกสัตว์อื่นทำร้าย แมวที่ถูกตัดเล็บจะชอบกัดถ้ามันรู้สึกว่าถูกคุกคาม และเจ้าของจะพบว่า หลังจากมันโดนตัดเล็บมันก็จะกัดเจ้าของเองด้วย

          การชดเชยที่ดีคือการหาท่อนไม้เพื่อให้มันข่วนและฝึกให้มันใช้ คุณควรเล็มเล็บของมันทุกๆ 2 วันของแต่ละสัปดาห์ ตอนที่มันมีเล็บสั้นทำให้มันทำความเสียหายน้อยลง โดยเฉพาะถ้ามันทำอะไรผิดพลาดหรือเริ่มลับเล็บของมันตามเฟอร์นิเจอร์ห้องรับแขก

 

4.ทำไมกรงเล็บของแมวจึงหดได้ ?

cats-claws

credit

          กรงเล็บเท้าหน้าของแมวสามารถขยายได้ เมื่อมันต้องการข่วน ปีน หรือจับเหยื่อ แต่อีกสักครู่กรงเล็บของมันก็กลายเป็นเท้าตามเดิม แมวทำได้อย่างไร? กรงเล็บของมันถูกเชื่อมต่อด้วยกระดูกในนิ้วเท้า เมื่องอนิ้วเท้า (เท่าๆ กับที่เรางอนิ้วมือ) ก็สามารถหดกรงเล็บของมันให้กลับมาเป็นนิ้วเท้าธรรมดาได้ เมื่อแมวเหยียดนิ้วเท้า กรงเล็บก็จะยืดออก

          ส่วนดีของลักษณะเช่นนี้คือ กรงเล็บจะถูกป้องกันในขณะที่แมวเดิน ถ้าคุณมีแมวอยู่ในบ้าน คุณสามารถดูได้ด้วยตัวเอง โดยการเปรียบเทียบกรงเล็บบริเวณเท้าหน้า (ที่หดได้) กับกรงเล็บบริเวณเท้าหลัง (ที่หดไม่ได้) กรงเล็บเท้าหลังจะออกด้านๆ เพราะเสียดสีกับพื้นในขณะที่มันเดิน ส่วนกรงเล็บเท้าหน้าจะยังแหลมคมเหมือนเข็มอยู่

          กรงเล็บที่หดได้สามารถช่วยให้มันย่องเข้าไปหาเหยื่อได้เร็วกว่า ลองคิดดูถึงความแตกต่างระหว่างเสียงที่เงียบสนิทของแมวกับเสียงคริท-คริทของกรงเล็บสุนัขที่ไม่สามารถหดได้ในขณะที่มันเดินผ่านพื้นห้อง เสือ สิง แล้วแมวป่าประเภทอื่นต่างก็มีกรงเล็บที่หดได้ สัตว์ประเภทเดียวกันที่ไม่มีกรงเล็บแบบนี้คือ 'เสือชีต้า' เสือชีต้าจะเหมือนกับสุนัข เพราะต่างก็มีกรงเล็บที่แผ่ขยายอยู่ตลอดเวลา

 

5.ทำไมแมวตกจากที่สูงจึงกลับตัวเอาขาลงได้ ?

falling_cat_FINAL

credit

          แมวมีลำตัวอ่อนและมีสัญชาตญาณในเรื่องทิศทางดีมาก แม้เวลาตกจากที่สูงๆ มันก็สามารถกลับตัวกลางอากาศได้โดยอัตโนมัติ เพื่อเอาส่วนขาของมันลงก่อน ข้อต่อของสะโพกและไหล่ของแมวยืดหยุ่นได้คล้ายลวดสปริง ดังนั้นแมวจึงสามารถกลับตัวกลางอากาศเพื่อที่จะเอาขาลงมาที่พื้นโดยไม่ได้รับอันตราย

 

6.ทำไมแมวบางตัวไม่มีหาง ?

manx-4

credit

          แมวพันธุ์พิเศษคือ 'พันธ์ุแมงซ์' เป็นแมวไม่มีหาง ซึ่งถือเป็นลักษณะเด่นของมันแมงซ์ กำเนิดมานานกว่า 500 ปี แมวพันธุ์นี้มาจากเดอะไอเซล ออฟ แมน เกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางด้านตะวันตกของอังกฤษ ตำนานประหลาดเกี่ยวกับแมวหางด้วนมีอยู่ว่า ทหารไอริสที่บุกเข้ายึดเกาะเดอะไอเซลออฟแมนต่างก็ตัดหางแมวเพื่อเป็นที่ระลึก บางความเชื่อกล่าวว่าแมวพันธุ์แมงซ์เป็นลูกผสมระหว่างแมวกับกระต่าย (แม้ว่าการจับคู่แบบนี้จะเป็นไปไม่ได้) แต่ความจริงที่ว่ามันไม่มีหางเป็นเพราะความผิดปกติของยีน

          ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีหางเลย บางตัวก็มีหางสั้นๆ ม่อต้อ หรือบางตัวอาจมีหางยาว แมวที่ไม่มีหางจริงๆ เรียกว่า "รับฟี" ส่วนพวกที่มีหางสั้นเรียกว่า "สตัมฟี" ส่วนพวกที่มีหางสมบูรณ์แบบเรียกว่า "ลองกี"

          ยีนที่ทำให้แมงซ์ไม่มีหางนั้น ทำให้มันมีกระดูกสันหลังที่สั้นกว่าและขาคู่หลังยาวกว่าแมวอื่นๆ นี่จึงเป็นสาเหตุให้มันเดินโดยที่มีการกระโดดเพียงเล็กน้อย การที่มันมีขนหลังยาวและเดินกระโดดเล็กน้อยและไม่มีหาง จึงทำให้คนไขว้เขวว่ามันมีเลือดของกระต่ายอยู่ในตัวมัน

 

7.ทำไมจึงกล่าวว่าแมวมี 9 ชีวิต ?

free-cats-silhouettes_23-2147493982

          แมวมีสัญชาตญาณพิเศษและมีความสามารถที่จะทำให้ตัวมันเองรอดพ้นอันตรายต่างๆ นานาได้อย่างปลอดภัย เราจึงเรียกว่ามันมี 9 ชีวิต ไม่ว่าจะตกจากที่สูง กัดกันเอง หรือกัดกับสัตว์อื่นๆ มันก็ยังรอดชีวิตมาได้ แม้บางครั้งจะบาดเจ็บสาหัสมากมันก็ไม่ตาย

 

8.หน้าที่ของหนวดแมว

Hamilton-the-Hipster-Cat

credit

          หนวดแมวคือขนที่ขึ้นตรงริมฝีปากล่าง แก้ม และหน้าของแมวนั้นถือเป็นอวัยวะที่เกี่ยวกับความรู้สึก เมื่ออะไรก็ตามแตะถูกบริเวณปลายสุดของหนวด เส้นประสาทที่รับความรู้สึกที่บริเวณหนวดจะถูกกระตุ้น ซึ่งสิ่งนี้ทำให้แมวรู้สึกถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่ห่างออกไปอีกหลายนิ้วนับจากหน้ามัน แม้ว่ามันไม่ค่อยเห็นอะไรก็ตาม โดยเฉพาะในที่มืด แต่มันก็มีความคล่องแคล่ว และหนวดของมันจะเป็นตัวบอกถึงตำแหน่งของสิ่งรอบรอบตัว เพราะว่าหนวดของมันยาวไปจนถึงไหล่ คนส่วนใหญ่จึงเคยชินที่จะให้มันรู้ด้วยตัวเองว่าขนาดของห้องที่มันจะเข้าไปนั้นเป็นอย่างไร ถ้าแมวเข้าไปในอุโมงค์มืดๆ และผนังของอุโมงค์ถูกหนวดซ้าย-ขวาของมัน มันจะรู้ได้ทันทีว่าไม่สามารถผ่านอุโมงค์นี้ไปได้ เพราะอุโมงค์ไม่กว้างพอ แมวยังมีกลุ่มขนอย่างนี้อยู่อีกคือ บริเวณหน้าเหนือเท้าแต่ละข้างของมัน คนบางกลุ่มเชื่อว่ากลุ่มขนเหล่านี้ช่วยแมวจับหนู

 

9.แมวเป็นตัวนำโชคร้ายมาสู่คนจริงหรือ ?

witch-cartoon-with-cat-and-bat_23-2147518912

          ความเชื่อที่ว่าแมวดำมักนำโชคร้ายมาสู่คนเริ่มในสมัยกลาง และแมวดำถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้องกับเวทมนต์คาถาและอำนาจเหนือธรรมชาติ

          ในช่วงศตวรรษที่ 14 ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าแม่มดเป็นสัตว์ เรียกว่า "แฟมิลเรอะ" เพื่อช่วยทำงานที่ชั่วร้ายของหล่อนเอง คนบางกลุ่มเชื่อว่าแม่มดสามารถเปลี่ยนร่างได้จริงๆ ความคิดเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเพราะกิริยาท่าทางของแมวที่บอกลักษณะลึกลับหรือความฉลาดแกมโกงและนิสัยชอบทำสิ่งต่างๆ ตอนกลางคืน แมวดำดูเหมือนว่าเป็นอันตรายมาก เพราะว่าพวกมันเป็นสิ่งที่สังเกตยากในที่มืด

          ความเชื่อเหล่านี้จึงทำให้แมวเป็นตัวโชคร้ายในสมัยกลาง เมื่อแม่มดถูกจับมาทรมาน แมวก็ถูกทรมานและฆ่าไปพร้อมกับพวกหล่อน เป็นสิ่งปกติธรรมดาที่จะบูชายัญแมวเพื่อกำจัดวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ในเมือง ความเชื่อโชคลางเกี่ยวกับแมวข้ามทางเดินมาจากการคิดว่าแมวนำทางไปนรก

          แต่โชคดีที่ต่อมาภายหลังคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าแมวช่วยควบคุมโรคโดยการจับหนู ทันทีที่คุณค่าของแมวเป็นที่เข้าใจและยอมรับ คนก็เริ่มปฏิบัติกับแมวด้วยความเคารพยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามความเชื่อถือโชคลางต่างๆ บางส่วนยังมีมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

credit: หนังสือ ไขปัญหาคำถามพิศวง?

ผู้เขียน กัญญาณัฐ วิญญู

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Leave A Reply